ระบบไฟฟ้าหมายถึงลักษณะการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าจากแหล่งกำนิดไปยังผู้ใช้ไฟฟ้า ตามประเภทการใช้งาน โดยส่งจากสถานีไฟฟ้าผ่านสายไฟฟ้าแรงสูง สถานีไฟฟ้าย่อย หม้อแปลงแปลงไฟฟ้าให้ต่ำลง ไปยังบ้านพักอาศัย สำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม
สำหรับกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าสู่บ้านเรือนทั่วไปนั้นก็ใช้หลักการไหลแบบเดียวกัน คือ เริ่มจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ณ โรงงานผลิตไฟฟ้า ผ่านกระแสไฟฟ้าแรงดันสูงมาตามสายไฟฟ้า (ซึ่งประกอบด้วยเส้นลวดอลูมิเนียมจำนวนมาก) มาจนกระทั่งถึงสถานีไฟฟ้าย่อย ซึ่งมีหม้อแปลงแรงดันไฟฟ้าให้สูงขึ้นหรือต่ำลงได้ตามความต้องการใช้งาน ทั้งนี้เนื่องจากการส่งกระแสไฟฟ้าได้ผ่านมาตามสายไฟฟ้าในระยะทางไกล จะทำให้มีการสูญเสียแรงดันไฟฟ้าส่วนหนึ่ง เมื่อส่งไฟฟ้ามาถึงพื้นที่ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าก็จะต้องลดแรงดันไฟฟ้าลงระดับหนึ่งเพื่อลดอันตราย เมื่อแปลงแรงดันไฟฟ้าให้พอเหมาะแล้วก็จะส่งตามสายไฟฟ้ามายังหม้อแปลงแรงดันไฟฟ้าที่ติดอยู่ตามเสาไฟฟ้าในแหล่งชุมชนนั้นๆ เพื่อแปลงแรงดันไฟฟ้าอีกครั้งก่อนส่งผ่านเข้าสู่อาคารบ้านเรือน เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าจากกิจกรรมต่างๆ ในอาคารบ้านเรือนก็จะไหลกลับไปตามสายไฟฟ้าอีกเส้นหนึ่งสู่แหล่งกำเนิดอีกครั้ง ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการครบวงจรการไหลของกระแสไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าที่การไฟฟ้าฯส่งจ่ายไปยังบ้านเรือนทั่วไปเรียกว่าระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระบบด้วยกัน ในการใช้งานนั้นการไฟฟ้าฯจะพิจารณาให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าว่าจะใช้ระบบใด โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ ปริมาณการใช้ไฟฟ้า ประเภทและจำนวนของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้าน
ระบบไฟฟ้าแบ่งออกได้เป็น 2 ระบบ ดังนี้
- ระบบไฟฟ้า 1 เฟส คือระบบไฟฟ้าที่มีสายไฟฟ้าจำนวน 2 เส้น เส้นที่มีไฟเรียกว่าสายไฟหรือสายเฟส หรือสายไลน์ เขียนแทนด้วยตัวอักษร L (Line) เส้นที่ไม่มีไฟเรียกว่าสายนิวทรอล หรือสายศูนย์ เขียนแทนด้วยตัวอักษร N (Neutral) ทดสอบได้โดยใช้ไขควงวัดไฟ เมื่อใช้ไขควงวัดไฟแตะสายเฟส หรือสายไฟ หรือสายไลน์ หลอดไฟเรืองแสงที่อยู่ภายไขควงจะติด สำหรับสายนิวทรอล หรือสายศูนย์ จะไม่ติด แรงดันไฟฟ้าที่ใช้มีขนาด 220 โวลท์ (Volt) ใช้สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่มากนัก
- ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คือระบบไฟฟ้าที่มีสายเส้นไฟจำนวน 3 เส้น และสายนิวทรอล 1 เส้น จึงมีสายรวม 4 เส้น ระบบไฟฟ้า 3 เฟส สามารถต่อใช้งานเป็นระบบไฟฟ้า 1 เฟส ได้ โดยการต่อจากเฟสใดเฟสหนึ่งและสายนิวทรอลอีกเส้นหนึ่ง แรงดันไฟฟ้าระหว่างสายเฟสเส้นใดเส้นหนึ่งกับสายนิวทรอลมีค่า 220 โวลท์ และแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายเฟสด้วยกันมีค่า 380 โวลท์ ระบบนี้จึงเรียกว่าระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย 220/380 โวลท์ ระบบนี้มีข้อดีคือสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าระบบ 1 เฟส ถึง 3 เท่า จึงเหมาะสมกับสถานที่ที่ต้องการใช้ไฟฟ้ามากๆ เช่น อาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก เป็นต้น
ระบบไฟฟ้าพื้นฐาน ไฟฟ้ากระแสสลับ และ ไฟฟ้ากระแสตรง
ระบบไฟฟ้าพื้นฐาน ไฟฟ้ามีความสำคัญมากที่สุดในระบบแสง เสียง เพราะว่าระบบไฟฟ้าคือแหล่งพลังงานที่จ่ายให้อุปกรณ์ต่างๆในระบบเสียงของเราทำงานได้ วันนี้เราจึงมาเรียนรู้เรื่องระบบไฟฟ้ากันนะครับ เพราะบางท่านยังมีความเข้าใจว่า ไฟฟ้ากระแสสลับ กับ ไฟฟ้ากระแสตรง ต่างกันยังไงจนอาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต
ไฟฟ้าแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ไฟฟ้ากระแสตรง DC และ ไฟฟ้ากระแสสลับ AC ไฟฟ้ากระแสสลับ
1.ไฟฟ้ากระแสตรง DC (Direct Current)
ไฟฟ้ากระแสตรงหรือที่เรามักชอบพูดกันว่าไฟ DC เป็นไฟฟ้าที่มีทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าไปในทิศทางเดียว อุปกรณ์ที่จ่ายไฟฟ้ากระแสตรงออกมา เช่น แบตเตอรี่ , โซล่าเซลล์ , อะแดปเตอร์ชาร์จมือถือ จริงๆแล้วอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวันเรียกว่าเกือบ 100% ทำงานด้วยด้วยไฟฟ้ากระแสตรง แต่ที่ต้องเสียบปลั๊กจากไฟAC เพราะข้างในอุปกรณ์เหล้านั้นมีวงจรแปลง ไฟ AC เป็น ไฟ DC ไม่ว่าจะเป็น มิกเซอร์ , เพาเวอร์แอมป์ , คอมพิวเตอร์ , โทรทัศน์
2. ไฟฟ้ากระสลับ AC (Alternating current)
ไฟฟ้ากระแสสลับหรือเรามักชอบเรียกกันว่า ไฟAC , ไฟ220 , ไฟบ้าน เป็นไฟฟ้าที่มีการสลับขั้วกันอยู่ตลอดเวลาที่เหมือนสัญญาณ Sine Wave ที่มีความถี่อยู่ที่ 50Hz ไฟฟ้ากระแสสลับเป็นไฟฟ้าที่เราจ่ายให้อุปกรณ์ต่างๆในระบบเสียงของเรา โดยจะใช้แรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 220-230 VAC 50Hz สำหรับอุปกรณ์ในประเทศไทย โดยระบบไฟฟ้ากระแสสลับจะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส กับ ไฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส
เลื่อยยนต์ เป็นเครื่องตัดไม้ ขนาดเล็ก ที่ทุกบ้านต้องมีเพื่อการใช้งานที่สะดวก
เลื่อยยนต์ เป็นเครื่องตัดไม้ ขนาดเล็ก ที่ทุกบ้านควรมีติ […]